Thursday, February 12, 2009

KEEP WALKING TO PAI

...ไปทำไมปายช่วงนี้ ร้อนน่ะ...

...ปาย ไปทำไม ใครไม่ไปกันแล้ว...ไม่ใช่หน้าท่องเที่ยวแล้ว...

...มีเวลาไม่กี่วัน...จะเที่ยวทั่วเหรอ...

...แค่ 3 วันเองไม่สนุกหรอก...

ฯลฯ...


...หลากหลายคำถามที่ประดาเข้าหูผมก่อนจะถึงวันเดินทาง แต่ผมก็ไม่ได้มีความคิดที่จะล้มเลิกการเดินทาง ...

หลังจากไปเดินเท้ามาราธอนที่ภูกระดึงกับศิษย์พี่ศิษย์น้องศิลปกรรม เมื่อ 3 ธันวาปลายปีที่แล้ว พวกติดใจเลยต่อเนื่อง อยากไปกันอีก ผมก็ใช่ว่าไม่อยากไป เลยกระเสือกกระสนหาที่ไป แม้มันกำลังจะเลยหน้าหนาวแล้ว แต่คิดว่าอากาศยังพอเย็นๆ อยู่ เราลองไป ปาย กันสักครั้งดีกว่า จะได้รู้สักทีว่าทำไมผู้คนแห่กันไปมากมาย



...มีเพื่อนคนหนึ่งติดใจที่นั่น ถึงขั้นกลับบ้านแล้วทำงานสะสมทุนเพื่อไปนอนอยู่ปายได้หลายๆ วัน หรือแม่กระทั่งทำของไปขายที่โน่นเลยก็มี...



...การเตรียมการในการเดินทางคราวนี้ มีน้อยมาก เพราะรอสมาชิกว่าใครจะไปบ้าง จนสุดท้ายมีสมาชิกแค่ 4 คน คือผม ปู เต้ย ทิพ...




...พวกเรานิ่งนอนในมาก เพราะคิดว่าเลยช่วงเทศกาลท่องเที่ยวแล้วเลยไม่ได้จองตั๋วรถ บ้านพักหรืออะไรๆ ที่คิดว่าจะต้องอยู่ต้องกินที่ปายถึง 3 วัน 2 คืน



จนกระทั่งอาทิตย์สุดท้ายที่เราต้องเดินทาง


พี่เม่น เราเจอกันที่หมอชิตกี่โมงทิพ 1 ในสมาชิกร่วมเดินทางคราวนี้ถามผมก่อนวันเดินทางเพียง 1 วัน


เอออออ....... กี่โมงดี....เออ....เดี๋ยววันนี้พี่ไปวื้อตั๋วละกันน่ะ จะได้รู้ว่ากี่โมงดี

สุดท้ายผมก็ต้องไปจองตั๋วจนได้


.............................................................


5 กุมภาพันธ์ 2552

ผมกับเต้ยไปหมอชิตเพื่อจองตั๋วไปเชียงใหม่ ปรากฏว่าตั๋ววันที่พวกเราจะเดินทางเต็มเทียบทุกบริษัท มีบางบริษัทที่ไม่เต็มแต่ไม่เปิดให้จองล่วงหน้าแล้ว ต้องไปซื้อวันที่เดินทาง


....แว่บแรกผมคิดว่าจะกลับ และค่อยมาเสี่ยงดวงเอาเวลาที่จะขึ้นรถว่าจะมีรถสำหรับพวกเราไหม...


พี่เราลองหาบริษัทอื่นไหม มีอีกหลายเคาน์เตอร์ที่เราไม่ถาม
เสียงเต้ยแทรกเข้ามาในโสตประสาทการรับรู้

อืมมมแล้วเราก็ตั้งหน้าเดินกัน


ในที่สุดการตั้งใจครั้งใหม่ของเราก็เป็นผล เราได้ตั๋วไปเชียงใหม่สมใจ เวลาเดินทาง 21.50 น.

และด้วยเหตุการณ์ที่จองตั๋วช่างแสนลำบาก เต้ยจึงออกความเห็นอีกแล้ว
พี่เราเอาเต็นท์ไปด้วยดีไหม เผื่อหาบ้านไม่ได้


ผมก็ว่าดี เพราะเรามีอยู่แล้ว ไม่เสียหายอะไรที่จะถือเผื่อไป



................................................................


6 กุมภาพันธ์ 2552

วันนี้ออฟฟิศจัดสัมมนาที่โรงแรม เลยลดความกังวลให้ผมได้ระดับหนึ่งเพราะการจบสัมมนาเป็นเวลาที่แน่นอน ผมจะไม่ต้องออกจากออฟฟิศช้าแน่นอน จึงบอกสมาชิกไว้ล่วงหน้าว่าจะไม่ออนไลน์ เจอกันที่หมอชิตเลยทีเดียว


....หลังจากออกจากโรงแรมผมเร่งกลับห้องเพื่อเตรียมตัวเอาสัมภาระไปหมอชิต...


....ถึงแม้ว่าเวลาที่รถออกค่อนข้างดึก แต่ก็ยังสร้างความวิตกกังวลให้ตัวเองไม่ใช่น้อยเพราะวันนี้เป็นวันศุกร์ - รถติด -และหมอชิตเป็นเรื่องที่เชื่อมโยงกันง่ายมากๆ ผมจึงตัดสินใจที่จะออกจากห้องก่อนเวลาประมาณ 2.30 ชั่วโมง เพื่อป้องกันปัญหาที่เกิดจากตัวแปรอาจจะควบคุมไม่ได้....


ก่อนออกจากห้องเลยโทรเรียกสมาชิกให้ออกกันมาด้วยจะได้พร้อมเดินทางกัน

ผมไปถึงหมอชิตก่อนเวลาที่คิดไว้ เพราะรถไม่ค่อยติดเท่าไหร่ จึงต้องไปยืนเป็น ตาแก่เฝ้าสมบัติอยู่นาน จนเริ่มจะหงุดหงิด


มันทำอะไรของมานกันอยู่ ทำไมยังไม่มา

มาช้าแล้วไม่ทันกินข้าว บ่นหิวให้ได้ยิน ล่ะหึ

วันหลังไปคนเดียวดีกว่าไหมหลายความคิดผุดมาในหัว และจบที่ความสุดท้ายว่า

ช่วยไม่ได้กรูมาเร็ว ยังไม่ถึงเวลาเลย อีกตั้งนาน


Zz….Zz..Zz…


สุดท้ายมารก็มากันเกือบ 2 ทุ่มครึ่ง

เมื่อรวมพลได้แล้วเราก็จัดการไปหาข้าวเย็นใส่ท้องกัน เพื่อคืนนี้จะได้หลับสบาย

เมื่อขึ้นบนรถจัดการหาที่นั่ง และสัมภาระที่ติดมือไปเรียบร้อย ช่วงที่รอเวลารถจะเคลื่อนออกจากชานชาลา ผมรู้สึกเหมือนไม่ได้ไปเชียงใหม่เลย แต่กลับรู้สึกเหมือนไปปัตตานีอย่างบอกไม่ถูก ฮิฮิฮิ....


พอรถเคลื่อนที่ออกจากชานชาลา มีพนักงานบริการบนรถ กล่าวสวัสดีผู้โดยสารและแจ้งรายละเอียดการเดินทาง พวกเราตกใจกันอีกแล้ว


ถึง 9 โมงเช้า นั่นก็หมายความว่าเราจะเสียเวลา ไม่ได้เดินทางต่อไปปายในตอนเช้า


...ถึงแล้วค่อยว่า คือคำตอบสุดท้าย...


..................................................................


7 กุมภาพันธ์ 2552


พวกเราตื่นเช้ามาเสียงขับกล่อมจากเพลงที่เปิดบนรถ ฮิฮิ...


....และเสียงพนักงานสาวที่อำนวยความสะดวกระหว่างเดินทางของพวกเรา


...ขณะที่รถผ่านลำปาง ยังมีหมอกให้เห็นเป็นบางจุด บางพื้นที่ สร้างความตื่นตาตื่นใจแก่สมาชิกของเราบางคน ฮ่า...ฮ่า
….

พี่ยังหนาวอยู่ใช่ไหมนิ เห็นมีหมอกสมาชิกถามผม (คงคิดว่าผมเป็นเทอร์โมมิเตอร์ บอกอุณหภูมิได้ ฮิฮิ)

พี่ไม่แน่ใจน่ะ แต่เมื่อวานพี่ดูพยากรณ์อากาศมาเขาบอกอากาศจะอยู่ระหว่าง 14-31 องศา และจะลดลงอีกประมาณ 2 องศาในวันสองวันนี้ผมตอบตามที่ได้อ่านข้อมูลจากเว็บไซต์ของกรมอุตุฯ



ประมาณ 07.45 น รถโดยสารประจำทางพาพวกเราไปถึงสถานีขนส่งผู้โดยสารเชียงใหม่ด้วยความปลอดภัย

และมันก็สร้างความตกใจและประหลาดใจให้เรา


ใครว่าไม่มีใครไปปายแล้วช่วงนี้ แล้วที่นั่งหัวปูดหัวดำนี่ไม่ใช่คนเหรอ


ผู้โดยสารที่รอซื้อตั๋วโดยสารจากเชียงใหม่ต่อไปปายมีจำนวนมากต้องต่อคิวกันยาวววววววว+


พวกเราได้ตั๋วโดยสารเวลา 10.30 น.








เส้นทางในการเดินทางไปปาย หรือแม่ฮ่องสอนเป็นที่กล่าวขานถึงความโค้ง ชัน และอ๊วก แต่นั่นก็ไม่ได้หมายรวมถึงสมาชิกผมจะมีอาการดังกล่าว เพราะทุกคนกิน ดื่มเต็มสปีดก่อนขึ้นรถ แต่ทุกคนเดินทางผ่านห้วงเวลาคด โค้ง เลี้ยว ชัน อย่างสบาย เหมือนกับหลายๆ คนที่ไปมาแล้ว


พวกเราถึงปายสามโมงกว่าๆ ตื่นเต้นอีกแล้ว

ที่พักเต็มทุกที่ รถมอเตอร์ไซต์ที่ให้เช่าหมด

แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา เรามีเต็นท์ไป แต่ระหว่างที่เราเดินไปที่กางเต็นท์ เราพบเจอบ้านพักแห่งหนึ่ง แต่สภาพไม่หรูหรา เมื่อสมาชิกทั้งหมดได้เข้าดูแล้ว ....


พี่ทำไมเราไม่นอนเต็นท์กันล่ะ อุตส่าห์เอามาแล้วปูเป็นคนออกความเห็น

ซึ่งตอนนั้นเราก็ได้เช่ามอเตอร์ไซต์มาสองคัน หลังจากที่นั่งรอคิวประมาณ 10 นาที


...พวกเรากางเต็นท์บริเวณบ้านริมปาย ซึ่งอยู่ริมแม่น้ำปายเลย มีห้องน้ำแยกหญิงชาย จำนวน 15 ห้อง

- ห้องน้ำหญิง 9 ห้อง ชาย 6 ห้อง

- ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น

- หลังคาปิดด้วยตาข่ายสีเขียว

- ผนังกั้นด้วยไม้ไผ่

- แต่มิดชิดดี

- อัตราค่าบริการ 100 บาท/เต็นท์ 1 หลัง ไม่จำกัดจำนวนคน และคิดค่าบริการน้ำ-ไฟคนละ 10 บาท


ผมและสมาชิกใช้เวลาในการจัดการกับที่พักและธุระส่วนตัวประมาณ 1 ชั่วโมงแล้วเราก็...ตะลอนปาย...กัน



ที่แรกที่เราจะตะลอนกันในปายคือ วัดพระธาตุแม่เย็น ซึ่งอยู่เลยจากจุดที่เรากางเต็นท์เพียง 1 กิโลเมตร ที่ตั้งวัดอยู่บนเขา การเดินทางไปวัดจึงต้องขับรถขึ้นเขาค่อนข้างชัน พวกเราไปถึงพระอาทิตย์ตกพอดิบพอดีกับที่ฝูงชนเริ่มทยอยเดินทางกลับกัน แต่ก็ไม่ได้สร้างความผิดหวังให้ทีม เพราะทุกคนพร้อมเข้ากล้องเสมอ....เฮ้อออออ+++


หลังจากลงจากวัดพระธาตุแม่เย็น เราก็บึ่งมอเตอร์ไซต์ไปเดินถนนคนเดิน เพื่อหาอาหารเย็น และช็อปปิ้งกันตามอัธยาศัย มือแรกของพวกเราที่ปายค่อนข้างหากินกันลำบาก เพราะมีให้เลือกเยอะ นักท่องเที่ยวก็เยอะ ทางเลือกที่ดีของเราก็ต้องอะไรที่คนกินน้อย คือ ก๋วยเตี๋ยวโบราณ ร้านนี้ตั้งอยู่เยื้องๆ กับทางเข้าวัดกลาง ซึ่งก่อนหน้าที่ผมจะไปนั่ง ผมเห็นแสงไฟที่ประดับองค์เจดีย์จึงเดินหลบไปถ่ายรูปหลายหลายรูปเลยทีเดียว จริงๆ อยากจะอยู่นานๆ แต่ด้วยบรรยากาศที่เงียบสงบ กลัวรบกวนพระท่าน และความปลอดภัยของตัวเองเลยออกมาที่ถนนคนเดินหามื้อเย็นที่อร่อยที่สุด (หิวมากกกก)





ขณะที่เดินถนนคนเดินผ่านร้านค้า และหลายๆมุมที่เราเคยเห็นจากภาพถ่าย โปสการ์ด ซึ่งหนีไม่พ้นจะเป็นมุมที่คนจะถ่ายรูปกัน เพราะที่นี่ได้ตกแต่งพื้นที่ไว้เฉพาะเลยก็ว่าได้ และที่เยอะไม่แพ้ที่อื่นคือ สี่แยกปายหนาว จำนวนนักท่องเที่ยวถ่ายรูปคู่กับป้ายเยอะมาก ซึ่งพอๆ กับการหาซื้อเสื้อยืดที่สกรีนคำพูดโดนใจ



และที่ถนนคนเดินแห่งนี้ทำให้การเดินทางไปปายของเราจะดูคุ้มค่ามากยิ่งขึ้นเมื่อเราเดินผ่านโต๊ะเล็กๆ ที่รับจัดทัวร์นำเที่ยว ปางอุ๋งที่ๆ ใครก็อยากไป เพราะที่นี่มีทิวทัศน์งดงามจนบางคนเรียกว่า สวิสเซอร์แลนด์/นิวซีแลนด์เมืองไทย หลังจากปรึกษาทีมแล้ว ทุกคนตกลงที่จะไปกัน เพราะค่าบริการคนละ 500 บาท ซึ่งผมดีใจเกินหน้าคนอื่น เพราะที่นี่ผมตั้งเป้าว่าจะไปตั้งแต่คิดจะไปปายแล้ว แต่ด้วยสมาชิกน้อยจึงขอเก็บไว้หนาวหน้า แต่แล้วผมก็ได้ไปจนได้....

คืนนี้เราจึงต้องรีบกลับที่พักเพราะเราต้องตื่นเช้ามากๆ เพื่อเดินทางไปปางอุ๋งตอนตีสี่


...............................................................................................


8 กุมภาพันธ์ 2552


อยู่กับฉันนานๆ นิดนึงน่ะ


ทุกคนตื่นเพราะเสียงนี้ และแสงสว่างจากมือถือในตอนตีสามครึ่งกว่า เพื่อเตรียมตัวขึ้นตู้ที่จะมารับไปเที่ยวตามที่กลุ่มทัวร์จะพาไป พวกเราออกจากปายตแนตีสี่กว่าๆ ด้วยบรรยากาศรอบด้านยังมืด เราทุกคนจึงหลับต่อ และตื่นอีกครั้งเมือใกล้ถึงปางอุ๋ง



ปางอุ๋ง อ่างเก็บน้ำที่มีทิวทัศน์สวยงามที่สุดของเมืองไทย (เขาว่ามา) บริเวณรอบๆ จะเป็นป่าสน มีพื้นที่สำหรับนักท่องเที่ยวค้างคืนทั้งเป็นบ้านพักและเต็นท์ บริเวณใกล้ๆ จะมีหมู่บ้านทั้งที่อาศัย และทำเป็นที่พักให้เช่า และร้านค้า


ทันที่ที่ออกจากปางอุ๋ง ลุงคนขับพาพวกเราไปหาอาหารเช้ากันที่ หมู่บ้านรักไทย เป็นหมู่บ้านของชาวจีนยูนาน การปลูกสร้างบ้านเรือนตลอดจนสภาพบรรยากาศรอบๆ คล้ายกับว่าผมไปยืนอยู่ที่ใดที่หนึ่งของจีนเลย (ดูจากหนัง ละครครับ) อาหารขึ้นชาคงหนีไม่พ้น ขาหมูหมั่นโถว ล่ะครับ มื้อนี้ขอกินอย่างเหลาสักวันละกัน



มื้อหลักๆ ที่สองในการเที่ยวปายของเราเกิดขึ้นที่นี่ล่ะครับ อาหารบนโต๊ะประกอบด้วย

- ขาหมูหมั่นโถว (ชุดใหญ่)

- ต้มยำรวมสมุนไพร

- ยำใบชา

- ข้าวเปล่า 1 โถ


เสร็จกิจบนโต๊ะ สมาชิกบางคนช็อปต่อ และก็ถ่ายรูปเป็นงานหลัก (จะรู้ไหมว่ากรูเหนื่อยยยยย+)


...อิ่มแล้วก็ต้องเดินทางต่อ....น้ำตกผาเสื่อ...ไม่มีน้ำเลยครับพี่น้อง ทิ้งไว้แต่ผาให้เราได้เห็น แต่ได้เห็นรูปจากโปสการ์ดที่ถ่ายช่วงที่มีน้ำ น้ำตกแห่งนี้สวยมากกกกกก+ เมื่อเรามาที่นี่ผิดที่ผิดเวลาก็ต้องเดินทางต่อ...(อีกแล้ว)


...ทีมที่จัดทัวร์ช่างเอาใจใส่นักท่องเที่ยวดีแท้ กลัวไม่สวยไม่หล่อกัน ให้คุณลุงพาพวกเราไปบ่อโคลนเพื่อพอกหน้าพอกตัวกัน แต่ด้วยเวลาที่จำกัด สมาชิกผมไม่มีใครสัมผัสโคลนกันเลย...



...บ้านห้วยเสือเฒ่า...เป็นอีกที่ๆ ผมอยากไป ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าหมู่บ้านชื่ออะไร แต่อยากไปเพราะเห็นว่าเป็นหมู่บ้านชาวเขา พูดถึงที่นี่ทำให้ผมดีใจไม่ใช่น้อย ที่จะได้ไปเห็นว่าพวกเขาอยู่กันยังงัย และได้ถ่ายรูปกลับมา แม้ว่าการถ่ายทอดจะออกมาไม่ดีมาก แต่ดีใจที่ได้ถ่าย มีชาวเขาหลายคนที่ปรากฏแมหน้าบนโปสการ์ด ของที่ระลึกต่างๆ



ออกจากหมู่บ้านเราก็มุ่งหน้าไปไหว้พระที่...วัดพระธาตุดอยกองมู....มีงานทอดผ้าป่าด้วยยย+ วัดนี้ตั้งอยู่บนเขาด้านหน้ามีหน้าผา (มั้ง) จึงมีจุดชมวิวถึง 2 ที่คือด้านหน้า ที่ประดิษฐานขององค์เจดีย์ จะเห็นทิวเขาสลับซับซ้อน และบ้านเรือน ส่วนด้านหลังจะเห็นทิวเขาสลับซับซ้อน และมีร้านขายของที่ระลึกจากแม่ฮ่องสอน ตลอดจนมีมุมสำหรับถ่ายภาพด้วย แม่ฮ่องสอน 1864 โค้งก็ถึงแล้ว


เมือคณะทัวร์(รวมพวกเราด้วย) ไหว้พระ ชมวิวเรียบร้อยแล้วลุงจึงพาไปชม...ถ้ำปลา...ถ้ำปลาจริงๆ เพราะมีซอกหินใต้ผา มีปลาจำนวนมากอาศัยอยู่ บริเวณถ้ำปลาจะมีบ้านไทยใหญ่ เป็นบ้านยกพื้นมีใต้ถุน และระเบียงเปิดให้เข้าชมด้วย


….สมาชิกบางคนในกลุ่มผมบอกไม่อยากกลับไปกรุงเทพฯ เลย....แต่ก็นั่นแหล่ะเวลาและการเดินทางมักจะไม่สิ้นสุด....


การร่วมเดินทางไปกับการนำเที่ยววันนี้สิ้นสุดที่...กิ่วลม...เป็นจุดชมวิวที่สวยงามอีกที่หนึ่ง เพราะสามารถชมวิวได้สองฝั่งถนน และชมพระอาทิตย์ตกด้วย



เมื่อพระอาทิตย์ตก พวกเราเดินทางกลับที่พักในปายด้วยรถตู้อีกคัน เพราะมีการเปลี่ยนผู้โดยสาร เพราะรถคันที่พวกเรานั่งไปตอนเช้าจะต้องเดินทางไปเชียงใหม่ต่อ

พวกเรากลับถึงปายประมาณเกือบทุ่ม จัดการธุระส่วนตัวและหามื้อเย็นที่...ถนนคนเดิน...อีกแล้ว มื้อหลักมือนี้เรากินหมี่ชนิดหนึ่งจำชื่อไม่ได้ล่ะครับพี่น้อง แต่เขาบอกว่าเป็นสูตรยูนนาน คนละ 2 ถ้วย ฮิฮิ (ไม่ได้หิวน่ะ แต่มันน้อย)



....พออิ่มท้องก็ถึงเวลาช็อป....ทิพได้ของติดมือกลับกรุงเทพฯ พอๆ กับปูที่เครียดกับการหาของฝาก...หลังจากช็อปสมใจแล้วจึงซื้อโปสการ์ดไปเขียนที่เต็นท์...ก่อนที่จะนอนเอาแรงเพื่อ...ตะลอนครึ่งวันเช้าก่อนกลับ


..................................................................................


9 กุมภาพันธ์ 2552



พวกเราตื่นเช้าอีกวันเพื่อไปเดินตลาด ฮ่าๆๆๆๆ แต่ผิดตลาดเลย ตัดสินใจหามื้อเช้าเบาๆ กินกัน โชคดีที่เราอยู่ใกล้วัดหลวงจึงไปกินน้ำชากับปาท่องโก๋แสนอร่อยได้ไม่ยาก ก่อนที่จะไปวัดน้ำฮู - หมู่บ้านสันติชล ศูนย์วัฒนธรรมจีนยูนนาน สะพานประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 2 กองเลน (Pai canyon) ชมวิวที่ร้าน coffee in Love









และมื้อสุดท้ายของเราที่ปายในครั้งนี้ คือ ใข่กระทะ-ข้าวซี่โครงหมูอบ จำชื่อร้านไม่ได้ ร้านอยู่บริเวณสี่แยกปายหนาว


ก่อนกลับเต็นท์ผมแวะเอาโปสการ์ดที่เขียนไว้หย่อนตู้ไปรษณีย์


เราจัดการกับตัวเองและสัมภาระเสร็จก่อนเวลาประมาณ 15 นาที (หวุดหวิด ตกรถ)


เราออกจากปายด้วยรถมินิบัสเวลา 13.00 น. ถึงเชียงใหม่เวลา 16.00+ น. เราใช้เวลาในการรอขึ้นรถทัวร์กลับกรุงเทพฯ อยู่ที่สถานีขนส่งเชียงใหม่ ฆ่าเวลาด้วยเรื่องขำๆ ที่เล่ากี่ครั้งต้องหัวเราะก๊ากกกกกกกกกกก.........แต่รอให้เต้ย หรือปูเล่าน่ะครับบบบบ+


.................................................


สรุปค่าใช้จ่ายหลักๆ ที่ทุกคนจ่าย (นอกเหนือจากซื้อของกินจุกจิก ของฝากและอื่นๆ)

ค่ารถไป-กลับ(กรุงเทพฯ-เชียงใหม่) 1036 บาท

รถเมล์แดง (เชียงใหม่-ปาย) 72 บาท

รถนำเที่ยว (ปางอุ๋ง-บ้านรักไทย-พระธาตุดอยกองมู

-หมู่บ้านกระเหรี่ยงคอยาว-ชมวิวที่กิ่วลม) 500 บาท

ค่าเช่ามอไซต์ (3 วัน) 250 บาท

เติมน้ำมัน 2 5 บาท

ค่าเช่าที่กางเต็นท์ (100 บาท/หลัง/คืน) 50 บาท

ค่าบริการน้ำ-ไฟ (20 บาท/คน/คืน) 40 บาท

ค่ารถมินิบัส (ปาย-เชียงใหม่) 150 บาท

รวม 2123 บาท


และค่าอาหารที่อเมริกันแชร์ 3 มื้อ

ขาหมูหมั่นโถว 300 บาท

แกงจืดรวมสมุนไพร 180 บาท

ยำใบชา 80 บาท

ข้าวเปล่า

ไข่กะทะ 49 บาท

ข้าวซี่โครงหมูอบซ๊อส 55 บาท

น้ำเต้าหู้ร้อน

โอวัลตินร้อน

ชาร้อน

กาแฟร้อน

ปาท่องโก๋

รวม 106 บาท


………………………………………………


ถึงแม้การไปปายครั้งแรกของพวกเรา ต้องนอนเต็นท์ เนื่องจากนักท่องเที่ยวเต็ม ก็ไม่ได้สร้างความลำบากให้พวกเราแต่ประการใด แต่ในทางกลับกันพวกเราได้สัมผัสบรรยากาศ 15 องศาในตอนเช้าได้อย่างเต็มที่


หลายๆ อย่างพวกเราเจอที่ปายคงตอบคำถาม


...ไปทำไมปายช่วงนี้ ร้อนน่ะ...

...ปาย ไปทำไม ใครไม่ไปกันแล้ว...ไม่ใช่หน้าท่องเที่ยวแล้ว...

...มีเวลาไม่กี่วัน...จะเที่ยวทั่วเหรอ...

...แค่ 3 วันเองไม่สนุกหรอก...

ฯลฯ...


ได้เป็นอย่างดี เพราะมันเป็นคำตอบที่อยู่ในใจของพวกเรา และพวกเราได้เลือกแล้ว

ใครไป ใครเจอ - ใครสนุก


................................................


เวลา 19.30 น. รถทัวร์ที่พวกเรานั่งเคลื่อนที่ออกจากสถานีขนส่งเชียงใหม่ พาพวกเรากลับกรุงเทพฯ ถึงหมอชิตอย่างปลอดภัยครับบบบบ