Sunday, March 1, 2009

Klong Saun 100 Years Market

....ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน...

คำจำกัดความคงจะไม่ต่างต่างจาก “สิ่งที่อยากได้ แต่มักจะไม่ได้” หรือ “สิ่งที่คิดจะทำ มักจะไม่ได้ทำ”

สำหรับผมแล้ว ประการหลัง (สิ่งที่คิดจะทำ มักจะไม่ได้ทำ) มักจะเกิดกับวงจรชีวิตหนูนาอย่างผมแทบทุกวี่วัน ที่ทำงานก็ไม่เว้น แต่ไม่จะไม่พูดดดด+ ล่ะกัน ทิ้งมันไว้ชั้น 11 น่ะแหล่ะ

...สมองมักจะมักจะสั่งให้ผมเป็นเด็กดีอยู่กับเหย้าเฝ้าแต่เรือน สั่งให้ผมเลิกคิดที่จะไปตะลอนในวันหยุด สั่งต่างๆ นานา…

...และมันก็ดูเหมือนจะเป็นผลในตอนแรกๆ ของสัปดาห์ เช่นเดียวกับอาทิตย์นี้ (1 มีนาคม 2552) ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าอาทิตย์นี้ สหายรักที่เดินทางกันมาไกล และเดินกันมาตั้งแต่สมัยเรียน ชั้นประถม 2 (อย่าพยายามบวก ลบ หาเวลาเลย เพราะนับกันเกือบเหนื่อยเลยล่ะ 25 กว่าปีแล้ว (ทำไมมันทนคบอยู่ได้น่ะ)) มันไปเป็นเพื่อนๆ อีกคนไปงานแต่งที่ชลบุรี (จะตามไปก็กะไรอยู่ ไม่ใช่แขก) เลยคิดว่าต้องอยู่บ้านแน่แล้ว….

...ด้วยความเคยชินที่ไม่อยู่ติดบ้าน....มันก็คงแปลกๆ ที่จะอยู่บ้านในวันหยุดตั้ง 2 วัน ไปไกลไม่ได้ งั้นไปใกล้ๆ ล่ะกัน (ความคิดเริ่มบรรเจิดอีกแล้วกรู)…

...วันเสาร์เป็นอันแน่นอนว่าต้องอยู่บ้าน เพราะต้องปฏิบัติภารกิจยิ่งใหญ่ให้เสร็จลุล่วงก่อนที่อาคันตุกะจะมาก้าวผ่านธรณีประตูบ้าน ซึ่งมันก็เป็นไปตามแผนที่วางไว้...

...แต่วันอาทิตย์สิ...เราจะทำยังงัยเมื่อมันมาถึง จิตใต้สำนึกส่วนของความอยากเริ่มทำงาน เริ่มสร้างตัวเลือกให้ตัดสินใจ

ชอยส์แรก นั่งเป็นหลับ ขยับเป็นกินอยู่บ้าน เปิดแอร์ให้เย็นฉ่ำ นอนดูหนัง ที่เอาแผ่นมากองๆ ไว้หลายเรื่อง ยังไม่ได้ดูสักที ก่อนที่จะส่งไปให้หลานๆ ดูต่อ (ดูเหมือนจะเป็นคนดี ฮิฮิ)

ชอยส์สอง ไปเดินถ่ายรูปเล่น ชิวๆ แถวสวนรถไฟ สวนราชินี เพราะช่วงนี้ดอกตาเบบูญ่าดอกบานเต็มต้น เห็นสีชมพูแต่ไกล

....แต่ดูเหมือนชอยส์สองจะมาแรง เพราะน้องหนอนจะได้ทำงานด้วย เดี๋ยวมันเหงาแย่ ขดอยู่ในเป้มาหลายวัน....

จนในที่สุดก็มีคนมาสะกิดต่อม “ความอยาก” ของผม จนมันทำงานเกินที่สมองจะยับยั้งได้

“ตลาด.................... กับตลาดน้ำลำพญา อิ่มท้องดี และอาจจะได้ภาพสวยๆ ด้วย” เพียงประโยคแรกที่ได้รับการแนะนำ แต่รู้สึกเฉยๆ กับสองแห่งนี้ เพราะเคยไปมา และไม่ประทับใจ แต่เหตุผลสนับสนุนน่าสนใจมากเลยครับบบบบ+

“ตลาดเก้าห้อง สุพรรณบุรี เป็นตลาดเก่าแก่น่ะ” เมื่อคำแนะนำแรกไม่ผ่านการอนุมัติ จึงมีสถานที่แนะนำ มาให้เลือกอีก (คนแนะนำมีส่วนได้ส่วนเสียกับตลาดหรือเปล่าไม่รู้ ฮิฮิ ล้อเล่นน่ะครับ)

...แต่ที่นี่ก็ไม่ใช่ตัวเลือกสำหรับผมอีกนั่นแหล่ะ เพราะผมเคยไปแล้ว และที่นั่นมีของขายน้อยมาก ซึ่งอาจจะเป็นเพราะผมไปผิดที่ผิดเวลา เลยไม่เจออะไรสวยงาม ที่ยังคงความเป็นชีวิตที่ควรแก่การสืบสาน สืบทอด...

...แต่แค่เพียง “เก่า” พยางค์เดียวก็ทำให้สมองผมประมวลผลชื่อตลาดอีกมามากมาย ซึ่งนั่นก็รวมถึง “ตลาดคลองสวน ๑๐๐ ปี” ผมเคยได้ยินคำบอกเล่าจากเพื่อนมาหลายครั้งว่า “ไม่มีอะไร ตลาดสามชุก ๑๐๐ ปี มีมากกว่า”….

....แต่ด้วยนิสัย(ไม่ดี) ที่ติดตัวมานาน มักจะไม่เชื่อคำพูดใครง่ายๆ ถ้าไม่ได้ลองทำ หรือเจอกับตัวเอง จึงจัดการหาข้อมูลจากเว็บไซต์ กระทู้ต่างๆ ของคนที่ไปมาแล้ว นำมาโพสต์ไว้ ซึ่งมันก็ได้ผล ผมเจอข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับการเดินทางของผมเป็นอย่างมาก (ต้องขอบคุณอาจารย์กู “Google” กับพันทิพย์ดอทคอมมากๆ ครับ)...

............................................................................

...การเดินทางครั้งนี้ของผม ย้ำว่าของผมจริงๆ เพราะผมไปคนเดียว ฮิฮิ เป็นไปอย่างลุกลี้ลุกลนนิดนึง เพราะความไม่คุ้นเคยกับเส้นทาง “ไก่เลยตื่น”..

...ผมตื่นหลังนาฬิกาปลุก 1.30 ชั่วโมง นั่นหมายถึงผมสายไปเท่ากับเวลาที่หายไปหลังสิ้นเสียงนาฬิกา…




...การเดินทางของผมเริ่มต้นด้วยการขึ้นรถตู้ไปอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (ไม่ได้ไปตั้งหลักที่นั่นน่ะครับ) เพื่อไปต่อรถไฟฟ้าไปลงสถานีขนส่งตะวันออก (เอกมัย)...



...ผมไปถึงเอกมัยเกือบ 8.30 น. จึงเดินกึ่งวิ่ง เข้าตัวอาคารเพื่อหาเคาน์เตอร์สำหรับซื้อตั๋วโดยสาร ซึ่งมันก็ได้ผล ผมทันรถโดยสารประจำทางเที่ยวเวลา 8.30 พอดี

เมื่อได้ตั๋ว จึงรีบเดินออกจากเคาน์เตอร์ แต่บนตั๋วโดยสารไม่ได้ระบุชานชาลาที่รถจอด ผมจึงย้อนกลับมาที่เคาน์เตอร์อีกครั้ง เพื่อถามหาหมายเลขชานชาลา เอาละหว่า

....รู้ชานชาลาแล้ว แต่หน้ารถไม่เห็นมีป้ายบอกเวลาเลย....

ผมจึงเลือกดูเอาคันที่มีผู้โดยสารนั่งอยู่ก่อนแล้ว เมื่อขึ้นไปแล้วจึงหาที่นั่ง และถามเอาจากผู้โดยสารว่ารถคันที่ ขึ้นไปนั่งไม่ผิดแน่ๆ

จนได้เวลาที่รถเคลื่อนที่ออกจากชานชาลา (ผิดเวลาประมาณ 5-10 นาที)

....อ่ะ ไม่มีกระเป๋ารถ....
...แล้วกรูจะถามที่ๆ จะลง จะให้ใครบอกกรูเนี่ยว่าถึงแล้ว....

สถานการณ์ยิ่งเพิ่มความตื่นให้ไก่ ไม่ต้องหลับกันละกรู

........................................
เวลา 09.18 น. รถไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อส่งผู้โดยสาร และรับผุ้โดยสาร และเป็นที่คนขับรถจะมีเก็บเงิน (ผู้โดยสารที่ขึ้นระหว่างทาง) และกระทำย่ำยีกับตั๋วของผม




“ถึงตลาด...แล้วบอกด้วยน่ะครับ” ผมบอกคนขับ
“ตลาดคลองสวนเหรอ” คนขับ ถามผมกลับ เพราะผมไม่ได้บอกชื่อตลาด

…………………………


.................................

เวลาประมาณ 10 โมงกว่าๆ รถประจำทางพาผมไปถึงทางเข้าตลาดอย่างปลอดภัย จากปากทางผมต้องเดินเข้าไปประมาณ 100-200 เมตร

สิ่งแรกที่เห็นก็คือ ป้ายชื่อ “ตลาดคลองสวน ๑๐๐ ปี” ณ วินาทีนั้น ผมไม่ได้สนใจที่จะดึงกล้องออกจากเป้เพื่อถ่ายรูปตามความอยากที่ต้องดิ้นรนไป นั่นก็เพราะ “หิวมากกกกกกกกก+”

ผมเดินเข้าตลาดไป ด้วยสองตา เอ๊ย!!! ลืมตาผู้ช่วยด้วย เป็นสี่ตา ส่ายหาอาหารมิ้อเช้า

“ก๋วยเตี๋ยวเป็ด” ซึ่งอาจจะเป็นอาหารสิ้นคิดสำหรับใครหลายคน และสำหรับผมด้วย (ถ้าอยู่ที่ทำงาน และที่บ้าน) แต่ยามนั้น รอไม่ไหวแล้ว ส่งส่วยให้กองกำลังในท้องก่อน

....เมื่อเสร็จกิจกับเมื่อเช้า ผมเดินชมบรรยากาศตลาดคลองสวน และหาซื้อของที่ระลึก (สำหรับตัวเอง ว่ากรูมาแล้ว) ....





















...บรรยากาศภายในตลาด คลองสวน ๑๐๐ ปี ยังคงรักษาสภาพบ้านเรือนสมัยเก่าก่อนไว้ในสภาพค่อนข้างดี โดยส่วนใหญ่พ่อค้า แม่ค้าจะเป็นคนไทยเชื้อสายจีน

การมาตลาด ผมต้องยอมรับเลยว่าได้ถ่ายรูปน้อยมาก นั่นก็เพราะผมหามุมสวยๆ เด่นๆ ในสถานที่แบบนี้ไม่เป็น

สิ่งที่สร้างความประหลาดใจให้กับผม (คนที่รู้แล้วอาจจะเฉยๆ) เพราะว่าตลาดคลองสวนมีพื้นที่อยู่ใน 2 จังหวัด คือ ฉะเชิงเทรา และสมุทรปราการ โดยทางเข้าตลาดจะอยู่บนพื้นที่ ตำบลบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ การแบ่งเขตตลาด จะแบ่งโดยแม่น้ำที่กั้นกลาง และมีป้ายแปะไว้ที่ผนังบอก “สิ้นสุดเขตแดนพื้นที่ตำบลบางบ่อ” และ “ยินดีต้อนรับสู่ตลอาดคลองสวน ....... ฉะเชิงเทรา”


ผมมาตลาดคลองสวนคราวนี้ มีบางอย่างที่ผมบอกกับตัวเองว่า “เข้าถึง” แล้ว แต่บางอย่างก็บอกกับตัวเองได้เช่นกันว่า “ผมยังไปไม่ถึงตลาดคลองสวน” นั่นก็เพราะว่า

“ผมยังไม่เห็นแป๊ะหลีตัวเป็นๆ”

....นั่นจึงกลายเป็นคำมั่นสัญญาให้กับตัวเองว่าผมจะต้องย้อนกลับไปที่นั่นอีกครั้ง....